ในขณะที่ชาเขียวโออิชิก็มีกลยุทธ์การสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดียที่น่าสนใจไม่แพ้กัน โดยปัจจุบันมี 4 แพลตฟอร์มหลัก เริ่มจาก
1) Facebook OishiDrinkStation ซึ่งมียอดแฟนเพจถึง 4.5 ล้านคน สูงเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มเครื่องดื่มของประเทศไทย ใช้เป็นช่องทางหลักสำหรับสร้างแบรนด์และ Engagement ผ่านกิจกรรมและการสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง
2) Twitter ใช้สร้างกระแส Word of Mouth จากกิจกรรมและแคมเปญที่แบรนด์ทำ รวมถึงกระแส Social Listening ซึ่งเป็นฟีดแบ็คจากผู้บริโภคแบบ Real Time
3) YouTube เป็นช่องทางสื่อสารโฆษณาทั้งในรูปแบบ TVC และ Bumper เพื่อสร้าง Reach และ Awareness ไปยังกลุ่มเป้าหมาย
4) ช่องทาง Instagram สร้าง Exclusive คอนเทนต์ กับพรีเซ็นเตอร์หรือ KOL ต่างๆ โดย Target ที่กลุ่มแฟนคลับ
อย่างไรก็ดี เนื่องจากสื่อออนไลน์เริ่มมีความท้าทายขึ้น เนื่องจากมีคอนเทนต์และแพลตฟอร์มจำนวนมากขึ้นหลายเท่า โออิชิกรีนทีจึงต้องมีการสร้างคอนเทนต์ที่ทันสมัยโดนใจผู้บริโภคและให้อยู่ในกระแสที่ผู้บริโภคสนใจในขณะนั้น โดยมีความแตกต่างไม่เหมือนใคร และต้องใส่ Brand Identity ของโออิชิกรีนที ทั้งในเรื่องของ Japanese, Healthy, Vibrant, Fun และ Teen เข้าไปทุกๆ คอนเทนต์เพื่อ Lead กลับมาที่แบรนด์ ตัวอย่าง เช่น แคมเปญ Oishi Honey Lemon x BNK48 ทำออนไลน์วิดีโอ “6 ความลับของน้ำผึ้งเฮียกขะมิทสึ” ที่สามารถสะท้อนภาพลักษณ์ความเป็นวัยรุ่นและความเป็นญี่ปุ่นจากพรีเซ็นเตอร์ BNK48 เป็นตัวส่ง Key Message เพื่อสร้างความจดจำในคุณสมบัติของน้ำผึ้งเฮียกขะมิทสึจากฮอกไกโดที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ซึ่งแคมเปญนี้สามารถดึงกลุ่มเป้าหมายเข้าร่วมสนุกกับกิจกรรมตามล่าดูวิดีโอเพื่อลุ้นรางวัลมากกว่า 400,000 คน
นอกจากนี้ยังสื่อสารแบบ Customize Content เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่สนใจคอนเทนต์ของโออิชิจริงๆ ตัวอย่าง เช่น แคมเปญโออิชิซัมเมอร์โปรโมชั่น 2019 ที่ผ่านมามีการทำ Parody VDO จากซีรีส์เรื่องดังที่กลุ่มแฟนคลับพรีเซ็นเตอร์ชื่นชอบ โดยสอดแทรกเนื้อหาที่แบรนด์ต้องการสื่อสารเข้าไปในเรื่องราว ก็สามารถสร้างกระแสจากกลุ่มแฟนคลับทั้งในไทยและต่างประเทศอย่างถล่มทลายด้วยยอด Engagement มากกว่า 8 ล้านครั้ง และส่งผลให้ยอดการส่งรหัสชิงโชคของโออิชิโตขึ้น 25% จากปีที่ผ่านมา รวมถึงรูปแบบการทำความเข้าใจกับผู้บริโภคในช่องทาง Online และสร้าง Content ที่แปลกใหม่ทันสมัยและตอบโจทย์แบรนด์ เช่น แคมเปญโออิชิเคียวโฮ มีการทำโฆษณา Short Form VDO 6 วินาที จำนวน 6 เรื่อง ที่เนื้อหาแตกต่างกัน แต่มี Key Message เดียวกัน เพื่อสร้างความเข้าใจในสิ่งที่แบรนด์ต้องการสื่อสารในเวลาที่สั้น สอดคล้องกับผู้บริโภคที่มีความอดทนในการดูโฆษณาสั้นลง จนทำให้แคมเปญนี้ มี VDO Completion View Rate สูงกว่ามาตรฐาน ซึ่งมากกว่า 80% ของคนที่เห็น VDO Ads ชิ้นนี้สามารถดูได้จนจบและสร้างยอดขายได้อย่างมาก
อย่างไรก็ดี จากตัวเลข Engagement ของโออิชิที่สามารถสร้างปรากฏการณ์ให้กับการสื่อสารออนไลน์ดังกล่าว ทีมงานโออิชิเผยเคล็ดลับที่สำคัญว่ามาจากการทำ Digital Strategy และตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนในทุกๆ แคมเปญว่าต้องการอะไรจากการสื่อสาร เพื่อที่จะดีไซน์คอนเทนต์ออกมาให้ตรงกับจุดประสงค์นั้นๆ ต่อมาคือ Insightful Data หรือการให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากผู้บริโภค ทั้งก่อนทำแคมเปญ (Consumer Research) และหลังทำแคมเปญ (Data Collection & Consumer Feedback) เพื่อทราบถึงสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการ รวมถึงพฤติกรรมของผู้บริโภค และวัดประสิทธิภาพแคมเปญที่ทำเพื่อปรับปรุงแคมเปญให้ดีขึ้น ที่มากไปกว่านั้น คือ โออิชิต้องการสร้าง Engagement และ Online Experience ที่ดี เพื่อให้เกิด Brand Loyalty กับโออิชินั่นเอง