ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ความนิยมในการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวประเภทซอง หรือครีมซองเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ปัจจัยจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค ราคาที่เข้าถึงง่าย รวมถึงความสะดวกสบายในการใช้งาน ทำให้ตลาดครีมซองเติบโตอย่างรวดเร็ว มีผู้เล่นเข้ามาในตลาดทั้งรายเล็ก-ใหญ่ ซึ่งเป็นโกลบอลแบรนด์และแบรนด์ SME ในประเทศ บริษัท เค แอนด์ บี คอสเมติก จำกัด คือหนึ่งในผู้เล่น SME ที่เข้ามาแล้วประสบความสำเร็จจนปัจจุบันขยายไลน์สินค้าไปทั้งในส่วนของสกินแคร์ เมคอัพเบส และล่าสุดกับคัลเลอร์ คอสเมติก ที่เข้ามาช่วยสร้างการเติบโตเพิ่มเป็น 20% ต่อปี
“เราเริ่มต้นจากการทำงานให้กับบริษัทเครื่องสำอางข้ามชาติมาก่อนทั้งเกาหลีและยุโรป โดยเราจบคณะเภสัชศาสตร์มาก็จะเข้ามาทำงานในแผนก R&D ในช่วงแรก จากนั้นจึงเวียนไปทำในส่วนของเทรนนิ่งและเทรดมาร์เก็ตติ้ง ซึ่งใกล้ชิดผู้บริโภคมากขึ้น ทำให้เราพอที่จะทราบราคาต้นทุนสินค้า ค่าการตลาดต่างๆ ประกอบกับมีเพื่อนที่ทำโรงงานรับจ้างผลิตเครื่องสำอางอยู่แล้วจึงคุยกันว่าอยากทำเครื่องสำอางให้คนไทยได้ใช้ในราคาที่ไม่แพงมากแต่คุณภาพดีจึงตัดสินใจออกมาเปิดบริษัทของตัวเองเมื่อปี 2553 ชื่อว่า บริษัท เค แอนด์ บี คอสเมติก จำกัด มีแบรนด์ในเครือ 2 แบรนด์ คือ DIANA+ และ NAMI” ภกญ.เกดกานต์ นิละทัต กรรมการผู้จัดการ บริษัท เค แอนด์ บี คอสเมติก จำกัด เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการเข้ามาทำเครื่องสำอางแบบซอง
แบรนด์แรกที่เปิดตัวออกมาคือ DIANA+ ซึ่งเป็นเครื่องสำอางกึ่งยาหรือเวชสำอาง ขายผ่านช่องทาง 7-Catalog ของ 24 Shopping ซึ่งคุณเกดกานต์ มองว่าเป็นช่องทางที่จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่าย แต่ด้วยรูปลักษณ์ของสินค้าที่ดูจะเป็นเครื่องสำอางก็ไม่ใช่เป็นยาก็ไม่เชิงทำให้การตอบรับไม่ดีมากนัก จึงเริ่มมองถึงการผลิตสินค้าใหม่ที่ราคาไม่แพงมาก แต่คุณภาพดีให้ลูกค้าได้ลองใช้ NAMI จึงถือกำเนิดขึ้นโดยผลิตภัณฑ์ตัวแรกที่ปล่อยออกมาคือ BB Cream สำหรับผิวกายแบบหลอดขนาด 150 กรัม ราคา 79 บาท ขายใน 7- Eleven ซึ่งได้รับผลตอบรับค่อนข้างดี นั่นจึงถือเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้แบรนด์ NAMI เป็นที่รู้จักอย่างเต็มตัวและเริ่มขยายไลน์ด้วยการทำครีมซอง