Guss Damn Good ที่อาจจะไม่ใช่แค่ไอศกรีม
สำหรับอนาคตของ Guss Damn Good นที มองว่า นอกจากการทำไอศกรีมรสชาติใหม่ๆ ให้ลูกค้าทานแล้ว การขยายธุรกิจในแง่ของสาขาและพัฒนาในเรื่อง Managing Growing เป็นเรื่องที่ต้องโฟกัส
“ตอนนี้เรามี 9 สาขา จึงต้องปรับเปลี่ยนองค์กรให้มีเลเยอร์มากขึ้น กระจายการทำงานออกไป การโตไปข้าง หน้าด้วยสาขาเป็นสิ่งจำเป็น เพราะน้องพนักงานที่อยู่กับเราจะโตไปไม่ได้ถ้าเรามีแค่ 9 สาขา เรามองว่าในอนาคต เราคงโตเชิงสาขา ในกรุงเทพฯ อาจจะสัก 15-20 สาขา และอาจจะไปตามหัวเมือง เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่
ตอนนี้คนชอบแบรนด์ของเราผ่านสินค้าหลักอย่างไอศกรีม แต่เรามีไลน์สินค้าอื่นลองมาขายด้วยเหมือนกัน อย่างที่ The Commons ศาลาแดง เรามีซันเดย์ บาร์ The Commons ที่ทองหล่อมีเมนู Milkshake ที่เอ็มควอเทียร์ มีเมนูคุกกี้ นอกจากนี้เราก็ยังมองเรื่องของการขยายไลน์ไปยังสินค้าอย่างเสื้อผ้าหรือ Merchandise ที่ยังมีความเป็น เราอยู่” ระรินเสริม
ความท้าทายของ Guss Damn Good ระริน มองว่า ไม่ใช่การแข่งกับคนอื่น แต่เป็นการแข่งขันกับตัวเอง ในวันที่ผ่านมา
“ทุกวันนี้ลูกค้ามีความเชื่อมั่นในแบรนด์ของเราว่าจะทำไอศกรีมที่รสชาติดีมีคุณภาพสำหรับเขา ลูกค้าของ เราจะไม่เปรียบเทียบเรากับแบรนด์อื่น แต่จะเปรียบเทียบเราวันนี้กับเราก่อนหน้านี้ทั้ งในเรื่องของสินค้าและบริการ เราได้ทั้งคำชมและคำติ ส่วนมากจะเป็นในเรื่องของบริการซึ่งเราต้องขอบคุณเขาที่บอกเพื่อให้เรานำไปปรับปรุง”
เสียงของลูกค้าทั้งคำติและคำชมจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันให้ Guss Damn Good ไปได้ไกลกว่าคำว่า “ไอศกรีม” ในอนาคตหรือไม่นั้นต้องติดตามกัน