หากมองย้อนไปในอดีต เรื่องของการผลิต ถือเป็นหัวใจสำคัญ เจ้าของสินค้าทุกรายต่างผลิตสินค้าออกมาเป็นจำนวนมาก เพื่อให้ได้ต้นทุนที่ต่ำสุด แต่เมื่อผลิตออกมาแล้ว ก็จำเป็นที่จะต้องขาย กลยุทธ์ 4P จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญ โดยเฉพาะกับ P ตัวที่ 3 ในเรื่องของการจัดจำหน่ายที่ยักษ์ใหญ่แทบทุกรายมีการสร้างระบบจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่งของตัวเองขึ้นมาเพื่อผลักดันให้สินค้าเข้าไปในทุกช่องทางขาย เป็นการคอนโทรล “กลางน้ำ” ที่เป็นเรื่องของการจัดจำหน่ายไว้ในมือ
แต่โลกการตลาดยุคใหม่ ในส่วนที่เป็น “ปลายน้ำ” คือร้านค้าปลีกทั้ง “ออฟไลน์” และ “ออนไลน์ ถือเป็นหัวใจสำคัญ เพราะจะทำให้สามารถเข้าถึงข้อมูล ตลอดจนไลฟ์สไตล์การซื้อสินค้าของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะส่งผลกลับมาต่อการเพิ่มประสิทธิภาพทั้งการผลิตและการขาย
กลุ่มสหพัฒน์ให้ความสำคัญกับเรื่องของการทำร้านค้าปลีกมานาน โดยมีการเข้ามาสู่ธุรกิจค้าปลีกด้วยการลงทุนร้านค้าปลีกของตัวเองภายใต้ชื่อร้าน 108 ช็อป ซึ่งเป็นร้านค้าปลีกคอนวีเนียนสโตร์ นอกจากนี้ ยังมีในส่วนของการเข้าไปเปิดช็อปของแบรนด์เสื้อผ้าชั้นนำในเครือ
หลังจากนั้นจึงมีการดึงยักษ์ค้าปลีกจากประเทศญี่ปุ่นเข้ามาร่วมทุนด้วย เริ่มจากกลุ่มลอว์สัน ที่ถูกดึงเข้ามาร่วมทุนในการทำธุรกิจค้าปลีกคอนวีเนียนสโตร์ โดยจะอาศัยความแข็งแกร่งในการบริหารจัดการของลอว์สันเข้ามาเป็นตัวช่วยในการทำตลาด
ในส่วนของสินค้าแฟชั่นนั้น กลุ่มสหพัฒน์มีการพัฒนาร้านค้าปลีกแฟชั่น A`MAZE ซึ่งคอนเซ็ปต์ของร้าน A`MAZE นี้เกิดขึ้นมาเพื่อปิดจุดอ่อนกับผู้บริโภคบางส่วนที่อาจจะยังไม่เคยมี Engagement กับแบรนด์ในเครือของสหกรุ๊ปมาก่อน หรืออาจจะเคยมีแต่มีช่วงที่ขาดหายไป โดยร้าน A`MAZE นี้จะใช้คอนเซ็ปต์ Mix & Match สไตล์และแฟชั่นจากเสื้อผ้าหลายๆ แบรนด์เข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น Guy Laroche, GSP, Jousse, Lofficiel, C&D, Springfield, Women’ Secret รวมถึงแบรนด์อื่นๆ ที่พร้อมจะเป็นเพื่อนของ A`MAZE