Driven by Passion
วัฒนธรรมการทำงานของคนบีเอ็มดับเบิลยูคือการทำงานจากความหลงใหลในผลิตภัณฑ์ ความรักในงานและองค์กร ใส่ความเป็น “JOY” ในทุกสิ่งที่ทำ เพื่อสร้างสุนทรียภาพในการขับขี่และประสบการณ์เกี่ยวกับแบรนด์ให้กับลูกค้าอย่างดีที่สุด
“วัฒนธรรมของเรามีด้วยกัน 5 ข้อหลักคือ Responsibility, Appreciation, Openness เราเปิดใจและพร้อมรับฟัง เพื่อสร้างโอกาสที่ดีในการทำงานร่วมกัน Transparency ทำทุกอย่างอย่างโปร่งใส และ Trust เชื่อมั่นในกันและกัน เราเปิดกว้างพร้อมรับทุกความคิดเห็นในองค์กรของเรา”
คุณอเล็กซานเดอร์บอกกับเราว่า สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของบีเอ็มดับเบิลยูคือการให้อิสระแก่พนักงาน
ให้ทุกคน ได้คิด ได้เสนอไอเดีย ได้ทำเรื่องดีๆ ให้กับสังคมโดยที่ผู้บริหารไม่เคยต้องบังคับหรือสั่งให้ทำโครงการ หรือกิจกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นล้วนเป็น Passion ของทีมงาน ซึ่งมาจากความตั้งใจที่จะช่วยเหลือซึ่งกันและกันของคนบีเอ็มดับเบิลยูจริงๆ ด้วยเหตุนี้เอง จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเรามักจะเห็นข่าวบีเอ็มดับเบิลยูในลักษณะของการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมกันอยู่บ่อยครั้ง
กิจกรรมเพื่อสังคมของบีเอ็มดับเบิลยูนั้นยึดรูปแบบการทำกิจกรรม 2 ด้านด้วยกัน ได้แก่ ด้านสุขภาพและการศึกษา โดยมี 2 โครงการหลักที่ทางบีเอ็มดับเบิลยูทำมาอย่างต่อเนื่องนั่นก็คือ
“Care4Water” โครงการมอบระบบกรองน้ำให้กับชุมชนที่ขาดแคลนทั่วประเทศไทยเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต และเสริมสร้างสุขภาพที่ดีจากการมีน้ำสะอาดไว้กินไว้ใช้ ปัจจุบันทำต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 5 มอบระบบกรองน้ำไปแล้วประมาณ 6,700 เครื่อง กว่า 71 ชุมชนทั่วประเทศช่วยให้ชาวบ้านกว่า 670,000 คน สามารถเข้าถึงน้ำสะอาดได้ในชีวิตประจำวัน
“โครงการ BMW Service Apprentice Program” โครงการศึกษาระบบทวิภาคีเยอรมัน-ไทย เพื่อสนับสนุนการพัฒนาระบบอาชีวศึกษาของไทย และสร้างแรงงานฝีมือที่เปี่ยมด้วยทักษะและความสามารถระดับสูง ยกระดับศักยภาพการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ เปิดโอกาสให้นักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการได้เรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติจากศูนย์ฝึกอบรมของบีเอ็มดับเบิลยู และร่วมปฏิบัติงานกับช่างเทคนิคผู้เชี่ยวชาญของผู้จำหน่ายบีเอ็มดับเบิลยูอย่างเป็นทางการ โดยได้ดำเนินโครงการมาจนเข้าสู่ปีที่ 9 แล้ว ปัจจุบันมีนักศึกษาเข้าร่วมโครงการไปแล้วกว่า 167 คน และสำหรับโรงงาน บีเอ็มดับเบิลยู แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ก็ดำเนินโครงการการศึกษาระบบทวิภาคีที่มุ่งเน้นการสร้างเสริมความรู้ ความสามารถในด้านวิศวกรรมเมคคาทรอนิกส์ (Mechatronics) ริเริ่มมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 ภายใต้ความร่วมมือกับสถาบันเทคโนโลยีจิตรลดาและวิทยาลัยเทคนิคสัตหีบ
พร้อมกันนี้ คุณอเล็กซานเดอร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า รางวัลนี้เป็นเครื่องการันตีว่าความตั้งใจต่างๆ ของบีเอ็มดับเบิลยูบรรลุผลแต่อย่างไรก็ตามบีเอ็มดับเบิลยูต้องไม่หยุดเท่านี้ ต้องไม่คิดว่าสิ่งที่เป็นอยู่ดีอยู่แล้ว และยังคงต้องพัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อยๆ เพราะความต้องการของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปได้ตลอด ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความท้าทายที่สำคัญ
“เราวิเคราะห์เพื่อพัฒนาอยู่เสมอ โดยเฉพาะในด้านที่เกี่ยวกับความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงการยกระดับในการ
ให้บริการลูกค้าของเราอยู่เสมอ นอกจากนี้เราทำให้พนักงานของเราตระหนักอยู่เสมอว่า การพัฒนาให้ดีขึ้นอยู่เสมอเป็นเรื่องที่สำคัญมาก และเราต้องปรับตัวอยู่ตลอดเวลาเพื่อการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง”
ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 บีเอ็มดับเบิลยูเปิดตัวรถรุ่นใหม่และรุ่นย่อยไปแล้วกว่า 18 รุ่น คุณอเล็กซานเดอร์ กล่าวว่า เร็วๆ นี้บีเอ็มดับเบิลยูจะมีผลิตภัณฑ์และข้อเสนอใหม่ๆ ที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคออกมานำเสนอ
“เราเป็นบริษัทแรกในประเทศไทยที่นำเสนอและส่งมอบรถยนต์ที่มาพร้อมเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนทั้ง 3 แบบ ทั้งระบบเครื่องยนต์สันดาปภายใน ระบบ Plug-In Hybrid และระบบการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% อย่าง BEV เพราะต้องการสร้าง Power of Choice ให้ลูกค้ามีตัวเลือกในการตัดสินใจได้อย่างหลากหลาย”
นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยูยังเตรียมวางระบบโครงสร้างเพื่อตอบรับกับความต้องการและพฤติกรรมการใช้รถที่จะเปลี่ยนไป ด้วยการเปิดให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้าสาธารณะ “ChargeNow” Charging Station ที่เปิดให้บริการกับทั้งลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยูและคนทั่วไป ซึ่งปัจจุบันเปิดให้บริการแล้วเกือบ 100 สถานี พร้อมตั้งเป้าติดตั้ง Wallbox สำหรับการชาร์จไฟฟ้าที่บ้านลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยู และมินิให้ครบ 1,800 Wallbox ภายในสิ้นปีเพื่อสร้าง Ecosystem ให้กับลูกค้า