สุรศักดิ์ จินตนานฤมิตร ซีอีโอ ของบริษัท มอสเบอร์เกอร์ (ประเทศไทย) จำกัด บอกกับเราว่า มอสเบอร์เกอร์ มีการปรับกลยุทธ์เรื่องของสาขาค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา โดยมีการขยายสาขาออกไปย่านชานเมืองมากขึ้น เพื่อขยายเข้าไปหากลุ่มลูกค้าที่อยู่ชานเมือง รวมถึงใช้เป็นฐานในการทำเดลิเวอรี่ โดยมีการเปิดสาขาทั้งในฟิวเจอร์ ปาร์ค รังสิต เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน คริสตัล พาร์ค ราชพฤกษ์ เซ็นทรัล บางนา รวมถึงที่จะเปิดในเซ็นทรัล เวสต์เกต ซึ่งรูปแบบของสาขาจะมีการลดขนาดพื้นที่ขายลงจาก 150 ตร.ม.มาอยู่ที่ 100 ตร.ม.เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป
สำหรับมอสเบอร์เกอร์ สาขาฟิวเจอร์ ปาร์ค รังสิต ถือต้นแบบของสาขาใหม่ๆ ที่จะมีการแบ่งโซนในร้านเป็นแฟมิลี่ โซน ไดนิ่ง โซน และเดลิเวอรี่ โซน นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มสินค้าที่เป็นกาแฟ และซอฟต์เสิร์ฟเข้าไป เพื่อให้มีความหลากหลาย แผนการขยายสาขาปีละ 8 – 10 สาขานี้ จะทำให้ภายใน 5 ปี มอสเบอร์เกอร์จะมีสาขากระจายออกไปยังทั้งกรุงเทพฯ และหัวเมืองต่างจังหวัดด้วยจำนวนสาขารวมกัน 85 – 90 สาขา ซึ่งแน่นอนว่าจะทำให้ยอดขายรวมมีการเติบโตแบบก้าวกระโดดไปที่ประมาณ 400 – 500 ล้านบาท
“กลยุทธ์หลักที่เราจะนำมาใช้ก็คือเรื่องของการ Collaboration เพื่อช่วยเพิ่มพลังในการทำตลาด ตลอดจนช่วยในการขยายฐานเข้าหากลุ่มลูกค้าใหม่ๆ อย่างล่าสุดที่มีการจับมือกับบริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด ในการเป็นเอ็กซ์คลูซีฟ แบรนด์ในเรื่องของเครื่องดื่มในร้านมอสเบอร์เกอร์ นอกจากจะช่วยในเรื่องของการเติมเต็มเครื่องดื่มใหม่ๆ โดยเฉพาะตัวชาลิปตันที่เป็นเครื่องดื่มยอดนิยมแล้ว เป๊ปซี่ ยังเข้ามาช่วยทำโปรโมชั่นต่างๆ รวมถึงการขยายฐานความร่วมมือไปยังพันธมิตรรายอื่นๆ ของเป๊ปซี่ในอนาคตอันใกล้”
ตัวอย่างหนึ่งของการทำตลาดผ่านกลยุทธ์นี้ก็คือ การจับมือกับเดอะวัน ซึ่งเป็นลอยัลตี้โปรแกรมของกลุ่มเซ็นทรัล ในการร่วมกันทำตลาด โดยสามารถนำคะแนนของเดอะวัน มาใช้รีดีมในร้านมอสเบอร์เกอร์ได้ ซึ่งนอกจากจะเป็นการช่วยขยายฐานไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ของเดอะวันแล้ว ยังจะช่วยในแง่ของข้อมูลที่เป็นพฤติกรรมของลูกค้าบางส่วนที่เดอะวันจะแชร์ให้กับพันธมิตรอีกด้วย
ด้วยการที่เป็นผู้เล่นรายเล็กที่หากเทียบกับเบอร์เกอร์สัญชาติอเมริกันอีก 2 แบรนด์แล้ว ยังห่างกันค่อนข้างมากโดยเฉพาะในเรื่องของจำนวนสาขา การโฟกัสมาที่การสร้าง “นิช” พร้อมกับเลือกกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับแบรนด์ของตัวเอง จึงน่าจะเป็นเส้นทางการเติบโตที่ยังพอมีโอกาสแทรกเข้าไปในวงล้อมของการแข่งขัน เพื่อยืนอยู่ในตำแหน่งที่แข็งแกร่งของตัวเองได้ไม่มากก็น้อย.....