ในปี 2062 ประเทศไทยมีประชากรลดลงมาเหลือ 61 ล้านคน ส่วนอาเซียนยังคงมีประชากรเพิ่มขึ้นเป็น 794 ล้านคน และเอเชียเพิ่มเป็น 5,278 ล้านคน
จนถึงปี 2100 ทาง UN คาดการณ์ว่าประเทศไทยมีประชากรลดลงเหลือเพียง 46 ล้านคน ในขณะที่อาเซียนยังมีตัวเลขประชากรเพิ่มขึ้น 750 ล้านคน และเอเชีย 4,720 ล้านคน
เพราะฉะนั้นคำตอบที่นักธุรกิจสามารถนำไปวางแผนทางธุรกิจจากฐานข้อมูลชุดนี้ก็คือ ในขณะที่ตัวเลขของประชากรไทยลดลงตามโครงสร้างของประชากรที่เข้าสู่สังคมสูงวัย หรือ Aging Society แต่ตัวเลขรวมของอาเซียนและเอเชียกลับเพิ่มขึ้น
นั่นหมายความว่า ภาคธุรกิจของไทยหากยังหวังที่จะเติบโตอย่างยั่งยืน การเตรียมความพร้อมเพื่อขยายตลาดไปสู่ภูมิภาคอาเซียนจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ที่น่าสังเกตอีกอย่างหนึ่งก็คือ ในภูมิภาคอาเซียนนี้ ยังสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 พื้นที่ใหญ่ตามศาสนาและวัฒนธรรมคือ กลุ่ม Mainland อันประกอบไปด้วย ไทย, กัมพูชา, ลาว, เมียนมา และเวียดนาม หรือที่คนไทยเรานิยมเรียกกันว่ากลุ่ม CLMV กับกลุ่มประเทศที่เป็นเกาะและนับถือศาสนาอิสลาม เช่น มาเลเซีย, สิงคโปร์, ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย และบรูไน
ขณะนี้หลายองค์กรที่มีความพร้อมก็มีการขยายตลาดออกไปยังภูมิภาคนี้เป็นจำนวนมากแล้ว แต่ในความเป็นจริงก็ยังพบว่ามีแบรนด์ไทยอีกเป็นจำนวนมากที่มีศักยภาพพอที่จะขยายตลาดออกไปสู่ตลาดต่างประเทศ แต่อาจจะเป็นเพราะนโยบายการทำธุรกิจที่คิดว่าตลาดในประเทศก็เพียงพอสำหรับการสร้างรายได้ หรือจะเป็นโครงสร้างขององค์กรวางไว้สำหรับแค่ทำตลาดในประเทศ จึงทำให้เจ้าของธุรกิจไม่กล้าที่จะออกจาก Comfort Zone ของตัวเอง
รายงานตัวเลขของ UN ชุดนี้ จึงเป็นเสมือนคำเตือนที่สำคัญถึงนักธุรกิจไทย ว่าถึงเวลาหรือยังที่จะต้องปรับเปลี่ยนแนวคิดและมุมมองในการทำธุรกิจในอนาคตใหม่ โดยมีเป้าหมายหลักที่ไม่ใช่แค่ประเทศไทยอีกต่อไป