หลายคนคงได้เห็นข่าวที่พนักงานโรงแรมดุสิตธานี พัทยาออกมาขายปาท่องโก๋ที่หน้าโรงแรมใกล้วงเวียนปลาโลมากันมาบ้างแล้ว
เบื้องหลังแนวคิดนี้ เกิดขึ้นมาจากการพูดคุยและเปลี่ยนความคิดเห็นกับพนักงานของศุภจี และทีมผู้บริหารเพื่อหาทางดึงเงินสดเข้ามาให้มากที่สุดในช่วงที่รายได้จากห้องพักลดลงอย่างน่าใจหาย
“พัทยาเป็นโรงแรมที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เพราะอยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุด วันที่คุยกับพนักงาน โจทย์ที่ให้ไปคือ เราจะสู้ไปด้วยกัน เราจะไม่ปิดโรงแรม แต่เราจะทำอย่างไร หรือจะช่วยกันแบบไหน
เราให้พนักงานถอดหมวกออกหมดให้ทุกคนคิดว่าเป็นบ้านของเรา ใส่หมวกเจ้าของ เพื่อคิดหารายได้เสริม จนได้โมเดลธุรกิจใหม่จาก Non Room ขึ้นมา คือการออกมาขายปาท่องโก๋ที่หน้าโรงแรม”
จุดเริ่มต้นของร้าน Pop Up เล็กๆ นี้ มาจากเสียงของพนักงานในโรงแรมที่บอกว่า แขกที่มาพักมักจะกล่าวชมว่า อาหารเช้าของโรงแรมอร่อย โดยเฉพาะกับปาท่องโก๋ที่มีรสชาติดั้งเดิม ดังนั้นถ้าแขกเข้าพักน้อยลงทำไมไม่ลองไปทำขายหน้าโรงแรมดู
“ในเมื่อคนมาโรงแรมไม่ได้ เราออกไปหาเขาได้ไหม?” นี่คือข้อเสนอของพนักงานโรงแรม ซึ่งทีมผู้บริหารก็รับฟัง
วันแรกของการขายปาท่องโก๋ พนักงานของดุสิตธานี พัทยา เลือกทำเลขายที่บริเวณหน้าหาด และขายได้ประมาณ 20 กว่าชุด คิดเป็นเงินก็ตกประมาณพันกว่าบาท
ลำพังเงินแค่พันกว่าบาทจากการขาย เมื่อคูณมาเป็นรายได้ต่อเดือนก็ไม่กี่หมื่นบาท ไม่มีทางพอที่จะหล่อเลี้ยงพนักงานทั้งโรงแรมได้ แต่ศุภจีและทีมผู้บริหารก็ให้กำลังใจพนักงาน และใช้ประสบการณ์ในการบริหารเข้าไปช่วยแนะนำ
เมื่อรู้ว่าทำขายที่ชายหาดมีคนเห็นน้อย ทางแก้ก็คือ ย้ายสถานที่
ดุสิตธานีพัทยาเเปลี่ยนมาเปิด Pop Up เป็นเต็นท์เล็กๆ ตรงบริเวณสวนหย่อมที่หน้าโรงแรม เพื่อให้คนที่ผ่านไปผ่านมาสังเกตเห็นได้มากขึ้น ผลตอบรับก็คือคนแวะมาซื้อมากขึ้น
เมื่อขายดีขึ้น คนพูดถึงมากขึ้น จากอาหารเช้าก็พัฒนาต่อยอดไลน์อาหาร มีการเพิ่มโจ๊ก และเมนูอาหารเช้าเข้าไป รวมถึงมีการจัดโซนสำหรับนั่งทานอาหาร และขยายเวลาขายเป็นทั้งวัน