Jaguar ได้ประกาศว่า ภายในปี 2025 Jaguar จะสร้างแบรนด์ของตนเป็นแบรนด์ของรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ "Reimagine" โดยไม่มีรถยนต์รุ่นที่ใช้น้ำมันเบนซิน หรือแม้แต่รุ่นไฮบริดให้เลือกซื้ออีกต่อไป รถ Jaguar ทุกรุ่น จะขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ
ในขณะเดียวกันแผนกรถยนต์ Land Rover จะเริ่มเปลี่ยนไปสู่การเป็นรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ซึ่งจะมีรถรุ่นใหม่ 6 รุ่นวางตลาดในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยเริ่มต้นในปี 2024 และ Land Rover ยังวางแผนที่จะขายรถยนต์ 60% ในรูป แบบรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าทั้งหมดภายในปี 2030
นี่จะทำให้รถยนต์ทุกรุ่นของ Jaguar Land Rover วางจำหน่ายในรูปแบบของรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าทั้งหมด ภายในสิ้นทศวรรษนี้
ทางกลุ่มจะใช้ 3 แพลตฟอร์มที่เข้ากันได้กับระบบเครื่องยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าทั้งหมด Land Rover จะใช้สิ่งที่เรียกว่า EMA (สถาปัตยกรรมโมดูลาร์ไฟฟ้า - Electric Modular Architecture) สำหรับรุ่นที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และอีกระบบเรียกว่า MLA (สถาปัตยกรรมโมดูลาร์ตาม - Modular Longitudinal Architecture) สำหรับรุ่นที่เป็นรถยนต์ไฮบริด ปัจจุบัน Land Rover มีรถ SUV อยู่สามตระกูล ได้แก่ Range Rover, Discovery และ Defender แต่ยังไม่ได้บอกว่าตระกูลใดจะเป็นรถยนต์รุ่นแรกที่ใช้พลังงานไฟฟ้า
ในขณะเดียวกันสำหรับแบรนด์ Jaguar จะใช้ "สถาปัตยกรรมไฟฟ้าล้วน (Pure Electric Architecture)" แบบใหม่ สำหรับรถยนต์รุ่นใหม่ที่กำลังจะมาถึง และมีแผนการที่จะยกเลิกรถเรือธงลีมูซีนรุ่น XJ ที่เคยคาดหวังว่าจะเปิดตัวในปีนี้ ซึ่งบริษัทได้กล่าวถึงเรื่องนี้ในการแถลงข่าวว่า "แม้ว่าป้ายชื่ออาจถูกเก็บไว้ แต่แผนการแทนที่ Jaguar XJ จะไม่เป็นส่วนหนึ่งของไลน์อัพ (Line-up) เนื่องจากตระหนักดีถึงศักยภาพของแบรนด์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์"
Jaguar ได้เปิดเผยอีกเล็กน้อยเกี่ยวกับกลยุทธ์สำหรับรุ่นรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และวิธีที่รถ SUV ไฟฟ้ารุ่น I-Pace ที่วางขายในปัจจุบันจะเข้ากันได้กับกลยุทธ์ และดูเหมือนว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันและรถยนต์ไฮบริดที่วางขายในปัจจุบัน เช่น รถรุ่น XE, XF, E-Pace และ F-Pace จะถูกยกเลิก และถูกแทนที่ด้วยรถยนต์รุ่นที่ใช้พลังงานไฟฟ้าขับเคลื่อนทั้งหมด
Jaguar กล่าวว่า จะลงทุน 2.5 พันล้านปอนด์ (3 พันล้านดอลลาร์) ในกลยุทธ์ใหม่นี้ และได้จัดสรรเงินไว้ 35 ล้านปอนด์ (48.7 ล้านดอลลาร์) เพื่อจ่ายค่าปรับสำหรับการพลาดเป้าหมายตามเป้าหมายการปล่อยมลพิษของสหภาพยุโรป (EU Emissions Targets) ในปี 2020
นอกจากนี้ บริษัทยังทำงานเกี่ยวกับรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน (Hydrogen Fuel-cell Vehicles) และมีแผนจะเริ่มต้นการทดสอบรถต้นแบบบนท้องถนนภายใน 1 ปี
Thierry Bolloré CEO ยังได้กล่าวว่า กลยุทธ์นี้จะเน้น "คุณภาพเหนือปริมาณ (Quality Over Volume)" และบริษัทไม่มีแผนที่จะปิดโรงงานผลิตรถยนต์ใดๆ ในสหราชอาณาจักร (อังกฤษ) หรือในที่อื่น ๆ ทั่วโลก
Cr : engadget
Source