ดิลลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มของ MINT กล่าวว่า “MINT ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง บริษัทได้ดำเนินการวางแผนธุรกิจเชิงรุกอย่างชาญฉลาดเพื่อรับมือกับการระบาดของโรค COVID-19 ระลอกที่สองในทวีปยุโรปและอเมริกาใต้ในไตรมาสที่สี่ และเรายังคงปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อรับมือกับสภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความท้าทายเหล่านี้ บริษัทยังคงเห็นสัญญาณเชิงบวกในกลุ่มธุรกิจของเรา ยกตัวอย่างเช่น ผลการดำเนินงานของไมเนอร์ ฟู้ดปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่กลับมาสร้างผลกำไรซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับกันช่วงก่อนการระบาดของโรค COVID-19 ในไตรมาสที่สามแล้ว กำไรสุทธิจากการดำเนินงานของไมเนอร์ ฟู้ดในไตรมาส 4 ปี 2563 เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากไตรมาส 4 ปี 2562 โดยมีสาเหตุมาจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของกลุ่มธุรกิจร้านอาหารในประเทศจีนและมาตรการการควบคุมค่าใช้จ่ายที่เข้มงวด สำหรับไมเนอร์ โฮเทลส์ ในประเทศมัลดีฟส์และออสเตรเลียมีการฟื้นตัวอย่างโดดเด่น โดยทั้งสองประเทศมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในแต่ละเดือนในช่วงไตรมาสที่สี่ โดยมีรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนในเดือนธันวาคมปี 2563 อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับเดือนธันวาคมปี 2562 อีกทั้ง การฟื้นตัวของอนันตรา เวเคชั่น คลับและยอดขายของโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขายส่งผลให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์สามารถกลับมาสร้างผลกำไรสุทธิได้ในไตรมาส 4 ปี 2563”
ไมเนอร์ ฟู้ดมีกำไรสุทธิจำนวน 540 ล้านบาทในไตรมาส 4 ปี 2563 เพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าจากในไตรมาส 4 ปี 2562 ซึ่งมีกำไรสุทธิจำนวน 258 ล้านบาท โดยการเติบโตอย่างต่อเนื่องดังกล่าวเป็นผลมาจากการเติบโตของยอดขายต่อร้านเดิมของกลุ่มธุรกิจร้านอาหารในประเทศจีนตั้งแต่ในไตรมาสที่สามถึงไตรมาสที่สี่ ด้วยการเติบโตของยอดขายต่อร้านเดิมในอัตราร้อยละ 3.4 ในไตรมาส 4 ปี 2563 เมื่อเทียบกับร้อยละ 3.0 ในไตรมาส 3 ปี 2563 โดยมีสาเหตุมาจากการบริโภคภายในประเทศที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งและการมุ่งเน้นในการยกระดับแนวคิดด้านอาหารอย่างต่อเนื่องของกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร นอกจากนี้ ยอดขายต่อร้านเดิมของกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร ในประเทศออสเตรเลียปรับตัวดีขึ้นในทุกๆ เดือน และมียอดขายต่อร้านเดิมกลับมาสู่ระดับก่อนการระบาดของโรค COVID-19 ในเดือนธันวาคมปี 2563 แม้ว่าประเทศไทยจะเผชิญกับการชุมนุมทางการเมืองและการระบาดของโรค COVID-19 ระลอกใหม่ แต่ธุรกิจบริการจัดส่งอาหารของไมเนอร์ ฟู้ดทั้งบนแพลตฟอร์มการจัดส่ง 1112 Delivery ของบริษัทเอง และแพลตฟอร์มของผู้ให้บริการจัดส่งอาหารรายอื่น รวมถึงแคมเปญส่งเสริมการขายที่ประสบความสำเร็จของเดอะ พิซซ่า คอมปะนีและการขยายสาขาอย่างรวดเร็วของร้านบอนชอนช่วยผลักดันยอดขายของกลุ่มธุรกิจร้านอาหารในประเทศไทย ทั้งนี้ ด้วยมาตรการการลดค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพในทุกแบรนด์ในเครือของไมเนอร์ ฟู้ด และการประหยัดต่อขนาดของแบรนด์บอนชอน ส่งผลให้กลุ่มธุรกิจร้านอาหารในประเทศไทยมีความสามารถในการทำกำไรที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าในไตรมาส 4 ปี 2563 เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2562