ไม่นานมานี้ หลายคนคงได้เห็นข่าวการทรานส์ฟอร์มของแบรนด์ “เจ้าสัว” แบรนด์สินค้าของฝากคุ้นตาที่ปรับภาพมาเป็นของทานเล่นและอาหารพร้อมทานได้ทุกวัน (Everyday Consumption) ผ่านตากันมาบ้างแล้ว แต่ใครเลยจะรู้ว่า กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ เจ้าสัวต้องผ่านอะไรมาบ้าง แล้วเพราะเหตุใดเจ้าสัวถึงได้ครองใจคนได้ยาวนานกว่า 63 ปี วันนี้แบรนด์เอจออนไลน์จะพาทุกคนไปหาคำตอบกัน
แบรนด์เจ้าสัว มีจุดเริ่มต้นมาจากคุณเพิ่ม โมรินทร์ (แซ่เตีย) ปู่ของคุณกิ๊ฟ ณภัทร โมรินทร์ ผู้ดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เตีย หงี่ เฮียง (เจ้าสัว) จำกัด คนปัจจุบัน
คุณกิ๊ฟ ณภัทร เล่าว่า แต่เดิมแบรนด์เจ้าสัวเป็นกิจการครอบครัว เกิดขึ้นราวๆ ปี 2501 ผลิตสินค้าเนื้อหมูแปรรูป อาทิ หมูแผ่น กุนเชียง หมูหยอง จำหน่ายตามร้านค้า ตลาดสด และหน้าร้านของตัวเอง ในจังหวัดนครราชสีมา
ด้วยความพิถีพิถันช่างเลือก สินค้าทุกอย่างจึงทำจากวัตถุดิบที่ดีเยี่ยม ผ่านการปรุงอย่างใส่ใจในทุกขั้นตอน รังสรรค์ออกมาเป็นสินค้าที่ถูกปาก รสชาติถูกใจ จนทำให้ร้าน “เตีย หงี่ เฮียง” กลายมาเป็นร้านของฝากเจ้าแรกและเลื่องชื่อที่คนโคราชทุกคนรู้จัd
“คุณปู่ท่านมีปณิธานว่า อาหารคือพลังสำคัญที่ขับเคลื่อนชีวิตให้รุ่งเรือง เพราะฉะนั้นจะกินทั้งทีต้องกินให้ดี กินแต่ของที่อร่อย มีคุณภาพ อยากทานเมื่อไหร่ ต้องได้ทาน ท่านจึงพัฒนาวิธีเก็บรักษาอาหารดีๆ เพื่อคงคุณค่าของอาหารไว้อย่างดีที่สุด นี่คือสิ่งที่ท่านสอนและส่งต่อมาสู่เรา”
สืบต่อมาถึงคุณธนภัทร โมรินทร์ ผู้เป็นลูกชายก็ยังคงสืบสานปณิธานของผู้เป็นพ่อ ในการที่จะส่งมอบแต่ของดีๆ ไปสู่ผู้บริโภค ควบคู่ไปกับต่อยอดสินค้าให้เป็นที่ยอมรับในวงกว้าง ด้วยการเพิ่มไลน์อาหารท้องถิ่นสไตล์อีสานแบบ Ready to Eat อาทิ แหนม และหมูยอ ที่ยังคงความพิถีพิถัน ใส่ใจในการคัดวัตถุดิบเกรดพิเศษ และขั้นตอนการปรุงเช่นเคย รวมถึงได้ขยายไลน์โปรดักต์จากอาหารไปสู่ของทานเล่นอย่าง “ข้าวตังหมูหยอง” ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของแบรนด์เจ้าสัวนั่นเอง
“คุณพ่อท่านเล็งเห็นถึงพฤติกรรมชอบกินจุบกินจิบของคนไทย เมื่อปี พ.ศ. 2531 จึงเกิดไอเดียที่จะแตกไลน์ความอร่อยทรงคุณค่าจากอาหารสู่ของทานเล่น เกิดเป็นสินค้าใหม่ คือ ข้าวตังเจ้าสัว พร้อมกับได้รีแบรนดิ้ง ด้วยการรวมแบรนด์เตีย หงี่ เฮียง (แบรนด์สินค้ากลุ่มอาหาร อาทิ หมูแผ่น กุนเชียง หมูหยอง แหนม หมูยอ) และแบรนด์เจ้าสัวเข้าด้วยกัน มีการขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้นด้วยการส่งสินค้าไปวางขายตามร้านขายส่ง และตลาดใหญ่ๆ ทั่วประเทศ ซึ่งจุดนี้เองที่ทำให้เราเป็นที่รู้จักมากขึ้น”