แตกต่างด้วยตัวตนและวิธีคิดแบบ “Professional Chef”
เชฟเมย์ เล่าให้ฟังว่า กว่าจะมาเป็นเชฟเมย์ที่ประสบความสำเร็จอย่างวันนี้ได้ เขาต้องผ่านบททดสอบและความท้าทายต่างๆ โดยใช้เวลานานถึง 15 ปี
แทบทุกความสำเร็จของเขาล้วนมาจาก Passion ในการทำอาหารแบบมืออาชีพ ที่ผสานรวมทั้งศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และศิลปะเข้าด้วยกัน ซึ่งแน่นอนว่า เขาก็ไม่ลืมที่จะใส่ตัวตนลงไปในสินค้าของตัวเองทั้งในเรื่องของวิธีคิดและวิธีการ
พร้อมอธิบายว่า น้ำพริกส็อกเป็นเพียงหนึ่งในโปรดักต์ภายใต้แบรนด์ น้ำพริก By Chef May เท่านั้น ซึ่งในอนาคตจะมีน้ำพริกอื่นๆ อีกมากมาย แต่เชฟเมย์เลือกใช้น้ำพริกส็อกในการเปิดตัวแบรนด์ เพราะต้องการที่จะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาด
จุดเด่นของน้ำพริกส็อกอยู่ที่วัตถุดิบพื้นบ้านจากธรรมชาติ 100% ผ่านกรรมวิธีการผลิตและกระบวนการคิดแบบ Professional Chef
เนื่องจากการทำน้ำพริกยังมี Pain Point ในเรื่องการใช้วัตถุดิบจำนวนมาก ทำให้ต้องใช้ระยะเวลาในการทำนาน โดยเฉพาะสูตรของน้ำพริกส็อกจะต้องมีกระบวนการหมกหอม ย่างพริก ย่างกระเทียม เชฟเมย์จึงใช้ประสบการณ์ นวัตกรรม และความรู้ใหม่ๆ มาพัฒนาให้การทำน้ำพริกทำได้ง่ายขึ้น สะดวกสบายมากขึ้น และเก็บได้นานยิ่งขึ้น
“ในขั้นตอนการทำน้ำพริกส็อกแบบดั้งเดิมจะต้องนำมะเขือเทศพื้นบ้านมาเสียบไม้ย่างกับเตาถ่านด้วยไฟอ่อนๆ ให้มะเขือเทศสุกจนผิวแตกจนน้ำในลูกมะเขือเทศไหลออกมา นำพริกแห้ง กระเทียมคั่วให้เหลืองหอม นำกะปิย่างไฟให้พอเหลือง และนำมาตำรวมกันในครกให้เข้ากันดี