อย่างไรก็ดี ในรอบปีที่ผ่านมา บริษัทมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาต่อยอดแคมเปญการตลาด เช่น นำ Big Data ที่ได้จากกิจกรรมมาพัฒนารูปแบบแคมเปญและของรางวัลให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคในลอยัลตี้โปรแกรมชื่อแต้มเอ็มของเอ็ม-150 ซึ่งเป็น Flagship Brand และเป็นเครื่องดื่มบำรุงกำลังอันดับ 1 ของประเทศ รวมถึงจับมือกับพันธมิตรเพื่อเพิ่มช่องทางการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ และเป็นการนำจุดแข็งของโอสถสภาและพันธมิตรมาสร้างโอกาสทางธุรกิจร่วมกัน เพื่อตอบสนองความต้องการด้านใหม่ๆ แก่ผู้บริโภคและขยายไปสู่ตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโต อาทิ การจับมือกับ SCG ออกแคมเปญ “ฮึดสู้อย่างเสือ หัวใจเกินร้อย” การจับมือกับยูโรเปี้ยนฟู้ดออกปีโป้ รสเอ็ม-150 การจับมือกับ SCB ออกประกันภัยให้แก่สมาชิกแต้มเอ็ม การออกโปรโมชั่นร่วมกับปตท. และเอสโซ่ เป็นต้น
สำหรับภาพรวมการทำงานในปี 2565 คุณวรรณิภา คาดการณ์ว่าสถานการณ์โควิด-19 จะคลี่คลาย และสภาวะตลาดเริ่มฟื้นตัวกลับมาสู่สถานการณ์ปกติอีกครั้ง ดังนั้นโอสถสภาจึงเตรียมแผนการพร้อมอยู่ตลอดเวลา เพราะเมื่อสถานการณ์โควิด-19 เริ่มดีขึ้น บรรยากาศการบริโภคจะเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว หากใครเตรียมพร้อมย่อมได้เปรียบ
“สำหรับโอสถสภานั้นได้มีการวางกลยุทธ์ Win Today และ Win Tomorrow ไว้อย่างชัดเจน ซึ่งจะช่วยให้มีความพร้อมและสามารถตอบรับสภาวะการฟื้นตัวของตลาดได้อย่างทันที สำหรับกลยุทธ์ Win Tomorrow นั้นมีเป้าหมายในการปรับ Ecosystem ขององค์กรให้พร้อมรับมือกับโอกาสและความท้าทายในอนาคต โดยสร้างผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์เทรนด์ใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น Health & Well-being, Aging Population, พฤติกรรมใหม่ๆ ของผู้บริโภค เช่น พฤติกรรมของ Gen ใหม่ๆ (Gen x, Gen y, Gen Z, Gen Alpha) และการอยู่บ้านมากขึ้น มุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีมาต่อยอดเครือข่ายการขายให้แข็งแรงมากขึ้น เน้นศึกษาเรื่อง Data กับ Analytic เอา Data มาช่วยในการตัดสินใจ ปรับการทำงานให้มี Efficiency มากขึ้น เร็วขึ้น ต้นทุนลดลง โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีมาช่วยปรับ มองหา Inorganic Growth เพื่อต่อยอดธุรกิจ เพิ่มศักยภาพ ลดต้นทุน เช่น ลงทุนใน Startup ด้านเทคโนโลยี ลงทุนกับยันฮี หรือในอนาคตอาจจะสร้าง Collaboration ด้าน Supply Chain กับองค์กรอื่น มองหาพาร์ทเนอร์ที่ช่วยเพิ่มศักยภาพการเติบโตให้กับบริษัท”
แน่นอนว่าเมื่อสองวิธีการทำงานนี้มาผนวกกันย่อมส่งผลต่อภาพลักษณ์ขององค์กร (Corporate Image) โดยเฉพาะภาพลักษณ์ด้านความทันสมัย สร้างสรรค์ น่าเชื่อถือ และมีความมั่นคง และมากไปกว่านั้น การดำเนินธุรกิจเคียงข้างคนไทยมาเป็นเวลายาวนานโดยครบรอบ 130 ปีในปีนี้ สะท้อนให้เห็นว่าโอสถสภายังเป็นองค์กรที่คำนึงถึงการสร้างผลตอบแทนของธุรกิจในระยะยาวอีกด้วย