ชื่อของ “ยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์” ไม่ได้แค่เป็นที่รู้จักในแวดวงอสังหาในฐานะกุนซือผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จโครงการของดีเวลอปเปอร์ชั้นนำหลายค่ายไม่ว่าจะเป็นแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเว็ลอปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น, บมจ.เอสซี แอสเสท, บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ , เอคิว เอสเตทและ บมจ.พฤกษา เท่านั้น แต่ประสบการณ์การทำงาน 30 ปี ยังทำให้เขาขึ้นชื่อว่าเป็นผู้นำที่สร้างความแปลกใหม่ให้กับวงการอสังหาอยู่ตลอดเวลา
แน่นอนว่ากว่า 30 ปีที่คลุกอยู่ในธุรกิจนี้อย่างถอนตัวไม่ขึ้น ย่อมมีโปรเจ็กท์ที่สร้างความภูมิใจให้เขามากมายนับไม่ถ้วน หนึ่งในนั้นก็คือ AEQUA Residence Sukhumvit 49 ที่เข้ามาสร้างมาตรฐานใหม่ๆ ให้กับคอนโดมิเนียมในเวลาต่อมา
“เวลาทำคอนโดทุกครั้งผมจะเริ่มจากทำเลก่อนว่าอยู่ตรงไหน แม้ทองหล่อจะมีคอนโดเกิดขึ้นเยอะมาก แต่ผมจะตั้งโจทย์ว่าทำแล้วใครจะมาอยู่ ไม่ได้คิดว่าใครจะมาซื้อ ซึ่งคนซื้อกับคนอยู่ไม่เหมือนกันนะ สุดท้ายแล้วโครงการนี้เราเลือกที่จะเจาะตลาดคนญี่ปุ่น เราคิดตั้งแต่พฤติกรรมการอยู่อาศัย ธรรมเนียมปฏิบัติ ไปจนถึงรายละเอียดการใช้ชีวิตของเขา กลายเป็นที่มาของการออกแบบสเปซในห้อง จุด Drop-Off สำหรับรถโรงเรียนที่สามารถเข้ามาจอดหน้าได้ถึงหน้าตึก เพิ่มวงเลี้ยวหรือความสูงของเพดานในตัวอาคารให้เหมาะสมกับขนาดรถโรงเรียนและรถประจำตำแหน่งผู้บริหาร หรือแม้แต่การทำออนเซ็นบริเวณชั้นบนคอนโดเป็นเจ้าแรกในโลก เพื่อเป็นจุดขายสำหรับลูกค้า หลังจากนั้นก็มีดีเวลอปเปอร์คนอื่นทำตามเรา”
ความใส่ใจ ลงลึกในรายละเอียด และท้าทายตัวเองด้วยการทำอะไรใหม่ๆ จึงกลายเป็นดีเอ็นเอของเขา ซึ่งพบว่านี่แหละคือเสน่ห์ของธุรกิจอสังหา
“เวลาเราทำโครงการอะไรซักอย่าง มันคือการแข่งกับคนซื้อ หรือทำชนะใจเขาให้ได้ เพราะอสังหาเป็น Hard Asset ราคาไม่ใช่ถูกๆ หรือซื้อง่ายขายคล่อง ดังนั้นผมจึงใช้เวลาในการคิดเยอะมาก เพราะทุกครั้งที่ผมทำโปรเจคใหม่ก็จะคิดใหม่โดยไม่เอาของเก่ามาทำซ้ำอีก ต่อจากนั้นก็หาทางทำยังไงให้ลูกค้าซื้อแล้วชอบและรู้สึกภูมิใจ สรุปได้ง่ายๆ ว่าเสน่ห์ของธุรกิจนี้คือ ทำให้เราได้คิด ถ้าไม่คิดก็ไม่สนุก แล้วผมเป็นคนชอบคิด โปรเจคเราอาจไม่ต้องทำเยอะ แต่ทำแล้วให้มันมีคุณค่า”
จากการเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง วันนี้ “ยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์” สวมหมวกใบใหม่กลายมาเป็นผู้อยู่เบื้องหน้าในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโคป จำกัด
“ความแตกต่างของการเป็นเจ้าของโปรเจคเองย่อมเปิดกว้างทางความคิดอยู่แล้ว เพราะที่ผ่านมาถ้าทำให้คนอื่น เจ้าของย่อมต้องการขายให้เร็วที่สุดเพื่อรับรู้รายได้ เวลาเสนอไอเดียอะไรไปก็ขึ้นอยู่กับเขาว่าจะยอมรับได้ขนาดไหน สำหรับผมในฐานะคนอยู่เบื้องหลังจึงต้องขึ้นอยู่กับเจ้าของงานกำหนด ซึ่งส่วนใหญ่อยากให้ขายเร็ว จบเร็ว การตั้งโจทย์จึงมาจากตรงนั้น แต่สุดท้ายไม่ว่าจะเป็นยังไงก็ตาม ผมจะยึดหลักการสร้างความคุ้มค่าให้กับคนซื้อ”
ดังนั้น SCOPE แบรนด์น้องใหม่จึงเปิดโอกาสให้ยงยุทธ สร้างมาสเตอร์พีซประดับวงการอสังหาอีกครั้ง ด้วยการมอบความคุ้มค่าให้กับลูกค้าในทุกๆ มิติ เริ่มจากการคว้าทำเลทอง
“โลเคชั่นมีความสำคัญที่สุดในธุรกิจอสังหา หลังจากทำอสังหาในหลายโลเคชั่น ผมชอบย่านสุขุมวิท เพราะความปลอดภัยสูงในแง่ที่ว่าทำเลดี เกิดวิกฤตอะไรขึ้นก็ยังกระทบไม่เยอะ เพราะมีเรียลดีมานด์ ยังไงๆ อสังหาคือ ปัจจัย 4 วันนี้ไม่ซื้อเพราะเศรษฐกิจไม่ดี แต่ปีถัดไปก็ต้องซื้อ หรือมีความต้องการในใจซึ่งเป็น Pending demand ถ้าเขามีโอกาสก็จะซื้อเลยทันที เพียงแต่ว่าคุณจะต้องทำโปรดักท์ให้ถูกต้องกับดีมานด์”