นอกจากนี้ยังได้ร่วมมือกันสร้างสถานีชาร์จที่เชื่อถือได้ภายใต้แบรนด์ “Elex” และแอปพลิเคชันอัจฉริยะ “Elexa” เพื่อตอบโจทย์การใช้งานและความสะดวกของผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า ช่วยลดการลงทุนสร้างโครงสร้างพื้นฐาน อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ ต่าง ๆ ที่มีราคาสูง รวมถึงกระตุ้นการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยให้เพิ่มมากขึ้น
ด้วยเทรนด์รักษ์โลกที่กำลังมาแรงในกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ คำนึงถึงความยั่งยืนเป็นหลักและให้ความสำคัญต่อ สิ่งแวดล้อมมากขึ้น และหนึ่งในปรากฏการณ์ที่สะท้อนถึงแนวโน้มการบริโภคที่ยั่งยืน คือความต้องการอยากลดปริมาณ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ด้วยการหันมาใช้รถ EV มากขึ้น ซึ่งเห็นได้จากยอดจองรถ EV ทะลุถึงหลักหมื่นคันภายใน 5 วัน แรกในงานมอเตอร์โชว์เมื่อปลายมีนาคมที่ผ่านมา เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าต่อจากนี้ ยอดขายรถ EV ในประเทศไทยจะเพิ่มขึ้น ทุกปี ดังนั้น EGAT EV Business Solutions จึงตอบโจทย์พฤติกรรมของคนยุคใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
ปัจจุบัน Elex by EGAT เปิดให้บริการแล้ว 40 สถานีทั่วประเทศไทย แต่เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้คนที่แตกต่าง กันไปในแต่ละพื้นที่ กฟผ. และ Wallbox จึงตั้งเป้ากระจายสถานีชาร์จไปยังจุดต่างๆ โดยขยายไปที่ถนนเส้นทางหลักและเส้น ทางรอง สนองความต้องการกลุ่มคนรักการเดินทางไกล ระยะห่างประมาณ 150-200 กิโลเมตรต่อสถานี ปีละ 20 สถานี และ เอาใจชาวกรุงเทพฯ และเมืองใหญ่ ขยายไปยัง Community Mall, โรงแรม, สนามกีฬา และสนามกอล์ฟ ปีละ 20 สถานี เช่นเดียวกัน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ภาครัฐได้ตั้งไว้ว่า ภายในปี 2027 ประเทศไทยจะต้องมีสถานีชาร์จเพิ่ม 5,000 สถานี
เห็นได้ว่าเป้าหมายของการร่วมมือระหว่าง กฟผ. กับ Wallbox คือการเตรียมความพร้อมระบบไฟฟ้าที่เอื้อต่อการ สร้าง EV Ecosystem ที่แข็งแกร่ง เพื่อผลักดันประเทศไทยเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างเต็มตัว รวมถึงมองการณ์ไกลไปยัง อนาคตของตลาดรถ EV ที่คาดว่าจะมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งส่งผลต่อการทำธุรกิจสถานีชาร์จรถ EV อย่าง Elex by EGAT อีกด้วย
อ้างอิง
source1
source2
source3