“นับเป็นครั้งแรกของการจับมือกันระหว่างมาม่าและเลย์ โดยเริ่มต้นจากการวิเคราะห์ตลาดในปัจจุบันซึ่งพบว่า หากเดินทางไปท่องเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น ราเมนมิโสะบัตเตอร์ได้รับความนิยมสูง ส่วนประเทศสิงคโปร์จะมีร้านจัมโบ้ชื่อดังที่เมื่อไปเยือนจะต้องไปทานที่ร้าน และเมนูจานหลักก็หนีไม่พ้นชิลลี่ แครบที่ได้รับการตอบรับค่อนข้างดี ซึ่งทางมาม่าและเลย์ก็ได้นำทั้ง 2 รสชาตินี้มาคิดค้นพัฒนาและปรับสูตรเพื่อให้คนไทยได้เข้าถึงรสชาติที่คิดถึงได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ภายใต้กลุ่มเป้าหมายที่เป็นกลุ่มเดียวกันนั่นคือคนรุ่นใหม่ และต้องการสีสันของผลิตภัณฑ์รสชาติใหม่อยู่อย่างต่อเนื่อง” เพชร กล่าว
ในด้านของเลย์นั้น การทำ Collaboration Marketing ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของพวกเขา เนื่องจากเป็นตัวช่วยในการเข้ามาสร้างสีสันใหม่ๆ ในเรื่องของรสชาติ
ขณะเดียวกัน ยังช่วยสร้างแรงกระเพื่อมในช่องทางขายอีกด้วย ซึ่ง พรรณทิพา พงศ์ชัยฤกษ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ผลิตภัณฑ์เลย์ บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด บอกว่า การจับมือในครั้งนี้ มาม่าจะช่วยเลย์ในแง่ของการขยายช่อง ทางขายที่เป็นแมสมากขึ้น นอกเหนือจากการสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในเรื่องของรสชาติ
นอกจากความร่วมมือกันในเรื่องการคิดค้นออกแบบด้วยการนำรสชาติที่เป็นที่นิยมของทั้ง 2 ประเทศมาสร้างความอร่อยในรูปแบบที่หลากหลาย ทั้งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและขนมขบเคี้ยวแล้ว ทางมาม่า OK และเลย์ได้สร้างความแตกต่างด้วยแคมเปญทางการตลาดและกิจกรรมต่างๆ วางงบประมาณสำหรับการทำการตลาดไว้ที่ 30-40 ล้านบาท โดยเน้นไปที่ช่องทางออนไลน์ เจาะไปในทุกๆ Platform IG, Twitter, TikTok, YouTube เป็นต้น เพื่อส่งต่อความสนุกให้แก่ผู้บริโภคได้เข้าร่วมไปกับแคมเปญในครั้งนี้ด้วย
ถือเป็นการ Collab ที่จัดเต็มแบบได้ทั้งบะหมี่และมันฝรั่งอย่างแท้จริง....