ที่ผ่านมาโครงการ WHIZDOM 101 นี้ได้รับรางวัลมาแล้วมากมาย อาทิ รางวัลแนวคิดเมืองอัจฉริยะ Smart Cities – Clean Energy จากกระทรวงพลังงาน, รางวัลโครงการมิกซ์ยูสยอดเยี่ยมจาก Asia Pacific Property Award ประจำปี 2016-2017, รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ทางด้านความยั่งยืน จากเวที AEC Excellence Awards เมืองลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีโครงการเข้าประกวดทั้งสิ้น 145 โครงการ จาก 32 ประเทศทั่วโลก ซึ่งถือเป็นโครงการแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้รับรางวัลนี้
ต้องบอกว่ารางวัลที่ได้มาทั้งหมดนั้นมาจากการนำเอาแนวคิดเมืองอัจฉริยะ Smart City และเป็น Third Place ที่ตอบโจทย์เรื่อง CSV นั่นเอง
ตัวอย่างเช่น การได้นำเทคโนโลยีที่ช่วยในการประหยัดพลังงานอย่าง พื้นปูทางเดินที่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าจากการก้าวเดินบนทางเชื่อม Skywalk ในส่วนของพื้นที่สาธรณะ หรือจะเป็นในส่วนของคอนโดมิเนียมที่ทุกยูนิตจะมีความพิเศษด้วย Home Intelligent Systems เทคโนโลยีอันทันสมัยและชาญฉลาดที่ทำให้ผู้พักอาศัยสามารถควบคุมและสั่งการทำงานของอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ จากสมาร์ทโฟนได้ทุกที่ หรือจะเป็นการนำเอาระบบหมุนเวียนอากาศที่ช่วยเติมอ๊อกซิเจนในห้อง เพื่อช่วยเรื่องอากาศหมุนเวียนทำให้ห้องดีขึ้นส่งผลให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ด้านการชุมชนสัมพันธ์ทางผู้บริหารของ MQDC ก็อธิบายว่า ได้พยายามถึงเอาคนรอบข้างเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาพื้นที่ในย่านดังกล่าวตั้งแต่เปิดตัวโครงการ ไม่ว่าจะเป็นการร่วมมือกับสำนักการระบายน้ำ-กรุงเทพมหานคร และเขตพระโขนง ร่วมกันจัดกิจกรรม ชุมชนน่ามอง ริมคลองน่าอยู่ ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการพัฒนาคลองบางอ้อใหญ่, โครงการ Green Street พัฒนาบาทวิถีบริเวณรอบโครงการ
MQDC จะสามารถส่งมอบห้องในโครงการ Whizdom Connect ได้ในเดือนมีนาคมนี้ และส่งมอบห้องโครงการ Whizdom Essence ในปลายปี 2561 ส่วนโครงการ Whizdom Inspire จะเริ่มเปิดให้จองในเดือนมีนาคมนี้
ทางด้านพื้นที่พาณิชย์ Innovative Lifestyle Complex ก็คาดว่าจะเปิดให้บริการในไตรมาส 4 ปีนี้
ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง WHIZDOM 101 จะเสร็จสมบูรณ์ทั้งโครงการในปี 2562